ของที่ซื้อเต็มบ้านคือขยะดีๆ นี่เอง ไม่ว่าจะมือถือ กระเป๋าแบรนด์เนม ของพวกนี้ซื้อมาแล้ว มูลค่าหายไปเกือบครึ่ง แล้วเราจะไม่เหลือเงินลงทุนกับอะไรอีกเลย
กตัญญูต่อเงินของคุณพ่อคุณแม่ ถ้าเอาตามหลักความจริง เงินเก็บของเราถ้าจะเอาไปลงทุนอาจจะน้อยเกินไปลองเข้าไปคุยกับคุณแม่แล้วบอกท่านว่าเราช่วยบริหารเงินให้คุณแม่ ใช้วิธีนี้จนประสบความสำเร็จมาแล้ว “เราเริ่มบริหาร พอได้กำไรคุณแม่ก็หักเปอร์เซ็นต์ให้ต้องยอมรับว่ามีขาดทุนบ้าง แต่เราได้เข้าใจการลงทุน ทุกวันนี้มีเงิน 1 ล้านบาทมีอะไรบ้างที่ให้ผลตอบแทน 12% มีอย่างเดียวคือหุ้น แต่หุ้นถือว่ายากที่สุดแต่ก็ไม่ยากเกินไปแค่ซื้อหุ้นดีมีปันผล และซื้อในวิกฤต”
ลงทุนครั้งแรกลงให้น้อยที่สุดบางคนคิดว่าจะลงหุ้นต้องเป็นแสนเป็นล้าน แต่สำหรับมือใหม่ซื้อครั้งแรกตั้งงบให้ต่ำกว่าหมื่น เพราะฟันธงได้เลยว่าเงินนั้นต้องขาดทุน เราต้องล้ม แต่สิ่งที่จะได้คือความรู้พอเราจับทางได้ เงินจะวิ่งเช้าหาเอง
เงินของเรา เอาไปอยู่ไหนดี อย่ากอดงินไว้ที่ตัวเองอย่างเดียวต้องกระจายเงินให้ออกดอกผลตามที่ต่อไปนี้
- เงินฝากในธนาคาร มีไว้ให้เป็นสภาพคล่อง
- พันธบัตรรัฐบาล ปลอดภัยมากที่สุด ให้ผลตอบแทน 3%
- หุ้นกู้ หรือเรียกว่าบอนด์ เราก็เลือกตามความ มั่นคงได้ผลตอบแทนอยู่ที่5%ความเสี่ยงน้อยตามลงมา
- หุ้นในตลาด ให้ผลตอบแทนสูงอยู่ที่ 12% แต่ก็เสี่ยงเงินต้นหดหาย ถ้าตลาดอยู่ในช่วงขาลง
- สินทรัพย์อย่งอื่นมูลค่าของเงินสดจะลดลงเรื่อยๆเพราะหลายประเทศเห็นเศรษฐกิจแย่เลยพิมพ์แบงก์อย่างบ้าคลั่ง เราต้องมีทรัพย์สินแบบที่ยิ่งเก็บ มูลค่ายิ่งขึ้น เช่น อสังหาฯ บ้าน คอนโดมิเนียม ที่ดิน ทองคำ ของสะสมต่างๆ
ซื้อแบบปิรามิด ก่อนซื้อหุ้นให้เรา ก่อนซื้อหุ้นทำนายว่าที่เราคิดผิดมากกว่าถูก แล้วเราจะทยอยซื้อไม้แรกน้อยๆ แล้วหนักขึ้น ลองใส่ไป 10% ของเงินที่เรามี จากนั้นค่อย 20 แล้ว 40 เพิ่มขึ้นไปเรื่อยๆ
ทำงานที่เรารัก หลังจากเงินที่เราลงทุนไปในที่ต่างๆออกดอกออกผลพอสมควรจะอยู่เฉยๆมองเงินพวกนั้นไปทำไมลงมือทำงานที่เรารักให้สำเร็จ จะเป็น อาร์ติสท์ก็ไม่มีใครว่า เพราะเราจะไม่ใช่ศิลปินไส้แห้งอีกต่อไป พอเราดูแลตัวเองได้ เราก็จะดูแลครอบครัวของเราต่อไปได้