คุณเคยสังเกตตัวเองหรือไม่ ว่าเป็นคนที่ขยันมากแต่ทำไมถึงไม่รวยสักที วันนี้เรามีสาเหตุที่จนทั้งที่เป็นคนขยันมากๆ มาบอกกัน นั่นอาจเป็นเพราะคุณขยันผิดวิธีก็ได้ โดยจะมีอะไรบ้างไปดูกันเลย sanook 1.สาเหตุที่จน ขยันทำสิ่งที่ไม่ได้รัก คนเราอาจเลือกงานไม่ได้ แต่หากงานที่คุณทำอยู่นั้นคุณไม่สามารถทำใจให้รักได้จริงๆ แต่คุณก็ยังพยายามทำเพื่อให้งานจบไปวันๆ นอกจากค่าแรงที่ได้ตามงานแล้ว สิ่งที่จะได้อีกอย่างนั่นก็คือความทุกข์ การทำงานที่ไม่ได้รักนั้นเป็นความทุกข์ที่สาหัสอย่างหนึ่งเพราะคุณจะต้องทนทำไปเรื่อยๆ พร้อมกับคำถามที่ว่าทำไปทำไมทุกวันๆ ทำให้จิตใจห่อเหี่ยวเป็นอย่างมาก 2.สาเหตุที่จน ขยันแบบพุ่งชนเกินไป การทำงานแบบพุ่งชนไปเสียทุกอย่างไม่เว้นแม้แต่กับเพื่อนร่วมงาน อาจทำให้งานที่ทำนั้นเกิดปัญหาได้ สิ่งที่ควรทำคือการรับฟังความคิดของผู้อื่นทั้งในเรื่องการทำงานและเรื่องส่วนตัวที่ทำให้กระทบกับงาน จึงจะทำงานที่ทำนั้นมีประสิทธิภาพ ดังนั้นถ้าไม่อยากจนต่อไปละก็ อย่าพุ่งชนจนเกินไป มาปรับเปลี่ยนนิสัยการทำงานของคุณกันดู 3.สาเหตุที่จน ขยันให้กับฝันคนอื่น หากคุณเป็นคนที่ทำงานตามสั่งไปวันๆ นั้นคือคุณกำลังทำงานให้กับความฝันของคนอื่น…

            เรามักได้ยินคำว่าการลงทุนมีความเสี่ยง ซึ่งไม่ว่าคุณนั้นจะลงทุนอะไรมันไม่ใช่มีแต่เรื่องที่คุณจะได้กำไรอย่างเดียว มันต้องมีเสียบ้าง เพียงแต่ว่าสิ่งที่คุณเลือกลงทุนนั้นมีความเสี่ยงในการลงทุนอะไรบ้าง หรือถ้าสิ่งนั้นคือ สิ่งที่คุณศึกษารายละเอียดมาดีอยู่แล้ว ความเสี่ยงนั้นอาจลดลงได้ และวันนี้เราจะมาพูดถึงความเสี่ยงในการลงทุนที่คุณจะต้องเจอ ไม่ว่าคุณจะลงทุนอะไรก็ตาม             ความเสี่ยงในการลงทุนในด้านทางธุรกิจ เป็นความเสี่ยงที่เกิดจากบริษัทที่ลงทุนทำกำไรได้น้อยลง ทำให้ผู้ลงทุนต้องสูญเสียรายได้ หรือเงินลงทุน ซึ่งในส่วนนี้จะมีความเสี่ยงทางการเงิน ความเสี่ยงด้านการบริหารจัดการ และความเสี่ยงในระดับอุตสาหกรรม ซึ่งแต่ละอย่างนั้นล้วนแล้วแต่ทำให้การดำเนินธุรกิจมีปัญหาทั้งนั้น เพราะฉะนั้นผู้ลงทุนจึงต้องศึกษาเส้นทางการลงทุนให้ดี ความเสี่ยงทางตลาด เป็นโอกาสที่จะสูญเสียเงินลงทุน เพราะการเปลี่ยนแปลงราคาของหลักทรัพย์ที่ลงทุน ซึ่งเป็นไปตามอุปสงค์ และอุปทานของตลาดนั่นเอง อันนี้ยากหน่อย เพราะว่ามันจะผันผวนอยู่ตลอดเวลา คุณไปกำหนดเองไม่ได้นั่นเอง ความเสี่ยงในอัตราดอกเบี้ย ความเสี่ยงที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงในอัตราผลตอบแทนจากการลงทุน…

หนี้นอกระบบ เป็นที่รู้กันอยู่เเล้วว่า อัตราดอกเบี้ยสูงขนาดไหน ยิ่งเรากู้ยืมมา ยิ่งเหมือนกับว่าเราหนี้เพิ่มมากกว่าเดิม ทำให้คนที่กู้ยืมมานั้น รู้สึกเหมือนกับว่าจ่ายไม่หมดสักที วันนี้เราเลยจะมาเเนะนำเกี่ยวกับวิธีการจัดการหนี้นอกระบบให้หายไปจากชีวิตคุณ โดยเราจะมีวิธีการดังนี้ 1. เจรจากับเจ้าหนี้ เป็นวิธีเเรกที่เราควรทำก่อน ถ้าหากเราเริ่มรู้สึกว่าจ่ายไม่ไหวเเล้ว ให้ลองไปคุยกับเจ้าหนี้ก่อน ซึ่งเราอาจจะขอยืดระยะเวลาในการจ่ายหนี้ออกไปก่อน เเล้วก็อาจจะให้คิดอัตราดอกเบี้ยเท่าเดิม หรือขอลดดอกเบี้ยบางส่วนลงมาได้หรือเปล่า เป็นต้น 2. นำทรัพย์สินไปขาย นี่ก็เป็นอีกวิธีที่จะช่วยให้คุณพ้นจากหนี้นอกระบบได้ เพราะต่อให้เราไปยืม เราก็เหมือนไปเพิ่มหนี้ใหม่อีกที่ เเล้วสุดท้ายมันจะกลายเป็นการยืมที่ไม่มีสิ้นสุด เเละหนี้ก็จะไม่หายไป ซึ่งวิธีนี้ จะทำให้คุณมีรายรับเข้ามาบ้าง เพื่อที่จะลดรายจ่ายออกไป เเต่ทั้งนี้ อยากให้คุณคิดเเค่ว่าเอาทรัพย์สินไปขายเพื่อใช้หนี้ก่อน…

สำหรับใครที่เตรียมวางแผนในการมีลูกแล้วนะคะ วันนี้เรามีวิธีมาให้ทุกคนได้เตรียมตัวกันก่อนที่จะมี เพราะแน่นอนว่า เมื่อลูกเราเกิดมาก็คงไม่มีใครอยากให้เค้าลำบาก โดยเฉพาะเรื่องเงิน เป็นเรื่องที่ใหญ่อีกเรื่องนึง ที่เราควรมีการวางแผนให้ดีก่อนที่เค้าจะลืมตามาดูโลก วางแผนการเงินในการมีลูก 1. ก่อนที่เราจะมีลูก : เราควรตั้งเป้าหมายเก็บเงินให้เพียงพอสำหรับค่าใช้จ่ายอย่างน้อย 1 ปีแรก เพราะยิ่งเป็นช่วงหลังคลอดด้วยแล้ว แน่นอนว่าคุณแม่ยังไม่สามารถไปทำงานได้ เพราฉะนั้นจึงต้องเตรียมเงินไว้ก่อน และค่าใช้จ่ายต่าง ๆ มีดังนี้ - ค่าใช้จ่ายในการฝากครรภ์และค่าคลอด เราต้องมีการวางแผนล่วงหน้าในส่วนของตรงนี้ ว่าเราจะเลือกฝากที่โรงพยาบาบาลไหน ค่าใช้จ่ายเท่าไหร่ ค่าทำคลอดต่าง ๆ อีกเท่าไหร่ เพื่อที่เราจะได้รับมือกับค่าใช้จ่ายเหล่านั้นได้อย่างสบาย  ๆ…

เมื่อการวิกฤติทางเศรษฐกิจเกิดขึ้นคนที่เป็นนักลงทุนจะต้องมีแผนการรับมือที่ถูกต้อง หากมัวแต่นั่งอึ้งอาจทำให้อะไรอะไร สายเกินแก้ได้ และหากไม่ทราบว่าต้องทำอย่างไร ลองไปดูพร้อมๆ กันเลย 1.คิดบวกพร้อมกับเดินหน้าต่อ เมื่อเศรษฐกิจเกิดการชะลอตัวทำให้คนจับจ่ายใช้สอยกันน้อยลง เดือดร้อนถึงคนค้าขายอย่างเราๆ หากเราได้แต่กังวลหรือกลัวจนไม่กล้าออกขายของก็อาจทำให้ทุนที่มีอยู่จมลงไปเรื่อยๆ ดังนั้นสิ่งที่ต้องทำคือการให้กำลังใจตัวเองและพร้อมลุยพยายามนำสินค้าที่มีออกขายเรื่อยๆ เพราะอย่างน้อยได้ไม่มากแต่ก็ยังดีกว่าไม่ได้เลยนั้นเอง 2.ปรับแต่งร้านค้าในบรรยากาศต่างๆ ในช่วงที่ลูกค้าเงียบนั้นคุณอาจทำการปรับแต่งร้านโดยไม่ต้องถึงกับปิดร้านเพียงแค่อาจมีการตกแต่งของแต่งร้านเพิ่มหรือเปลี่ยนมุมต่างๆ ในร้าน เพิ่มสี เพิ่มต้นไม้หรือของประดับเพื่อทำให้บรรยากาศเปลี่ยนไปทำให้ได้มุมมองใหม่ในแบบที่ไม่เคยเห็นอีกด้วย 3.ทำโปรโมชั่นเฉพาะหน้า สินค้าบางอย่างก็ไม่อาจรอให้ขายตัวเองได้หากเศรษฐกิจซบเซาลง คุณเองก็จำเป็นต้องทำโปรโมชั่นเพื่อเป็นการเคลียร์ของที่ค้างสต้อกลงเป็นการระบายของไปในตัวอีกด้วยอาจมีการลดหรือทำโปรโมชั่นซื้อสองแถมหนึ่งเพื่อกระตุ้นให้คนอยากซื้อมากขึ้น 4.คำพูดเชื้อเชิญ แน่นอนอยู่แล้วว่าการขายของนอกจากตัวสินค้าเองก็ยังมีลีลาการเชื้อเชิญของตัวคุณที่เป็นเจ้าของร้านที่จะสามารถทำให้สินค้านั้นดูน่าซื้อมากกว่าเดิม 5.เปลี่ยนที่ การเปลี่ยนที่ก็เป็นอีกหนึ่งกลยุทธที่จะทำให้สินค้าของเรายังสามารถขายออกได้บ้างเพราะในบางที่ลูกค้าอาจยังไม่เคยเจอหรือของที่เหมือนกันเขาอาจไม่มาขายต่อจึงทำให้ลูกค้าขาดสินค้าตัวนั้นๆ ไป จึงเป็นผลดีกับคุณที่จะทำให้สินค้าไม่ค้างสต๊อกและยังมีผลกำไรให้ได้เห็น ในช่วงเศรษฐกิจแบบนี้สิ่งที่จะทำให้คุณสามารถเดินต่อไปได้นั่นก็คือกำลังใจไม่ว่าจะจากตัวคุณเองหรือจากคนรอบข้างดังนั้นไม่ว่าเศรษฐกิจจะเป็นอย่างไรอย่างน้อยๆ คุณยังสู้ต่อก็ยังได้ต่อลมหายใจของตัวเองดีกว่านั่งทดท้อ ห่อเหี่ยวใจแล้วไม่มีอะไรดีขึ้น เราขอเป็นกำลังใจให้กับทุกคนนะ…